เมนู

19. วงศ์พระวิปัสสีพุทธเจ้า 19



ว่าด้วยพระประวัติของพระวิปัสสีพุทธเจ้า



[20] ต่อจากสมัยของพระปุสสพุทธเจ้า พระ-
สัมพุทธเจ้าพระนามว่า วิปัสสี ผู้สูงสุดแห่งสัตว์สอง
เท้า พระผู้มีจักษุ ก็ทรงอุบัติขึ้นในโลก.
ทรงทำลาย กะเปาะไข่คืออวิชชา1 บรรลุพระสัม-
โพธิญาณ เสด็จไปกรุงพันธุมดี เพื่อประกาศพระ
ธรรมจักร.
พระผู้นำ ทรงยังพระโอรส และ บุตรปุโรหิตทั้ง
สองให้ตรัสรู้ อภิสมัยครั้งที่ 1 กล่าวไม่ได้ถึงจำนวน
ผู้ตรัสรู้ธรรม.
ต่อมาอีก พระผู้มีพระยศหาประมาณมิได้ ทรง
ประกาศสัจจะ ณ เขมมิคทายวันนั้น อภิสมัยครั้งที่ 2
ได้มีแก่สัตว์แปดหมื่นสี่พัน.
บุรุษแปดหมื่นสี่พัน บวชตามเสด็จพระสัมพุทธ-
เจ้า พระผู้มีพระจักษุทรงแสดงธรรมโปรดบรรพชิต
เหล่านั้นที่มาถึงพระอาราม.
บรรพชิตแม้เหล่านั้น ฟังธรรมของพระองค์ ซึ่ง
ตรัสประทานโดยอาการทั้งปวง ก็บรรลุธรรมอัน
ประเสริฐ อภิสมัยครั้งที่ 3 ก็ได้มีแก่บรรพชิตเหล่านั้น.


1. อรรถกถาว่า อวิชชาทั้งปวง

พระวิปัสสีพุทธเจ้า ผู้แสวงคุณยิ่งใหญ่ ทรงมี
สันนิบาตประชุมพระสาวกขีณาสพ ผู้ไร้มลทิน มีจิต
สงบ คงที่ 3 ครั้ง.
ประชุมพระสาวกแสนแปดหมื่นหกพัน เป็นสัน-
นิบาต ครั้งที่ 1 ประชุมพระสาวกแสนหนึ่งเป็นสันนิ-
บาตครั้งที่ 2.
ประชุมพระสาวกแปดหมื่น เป็นสันนิบาตครั้งที่
3 พระสัมพุทธเจ้าทรงรุ่งโรจน์อยู่ท่ามกลางหมู่ภิกษุ ณ
เขมมิคทายวันนั้น.
สมัยนั้น เราเป็นพญานาค ชื่อว่าอตุละ มีฤทธิ์มาก
มีบุญ ทรงรัศมีรุ่งโรจน์ แวดล้อมด้วยนาคหลายโกฏิ
บรรเลงดนตรีทิพย์ เข้าไปเฝ้าพระผู้เจริญที่สุดในโลก.
ครั้นเข้าเฝ้าแล้ว ก็นิมนต์พระวิปัสสีสัมพุทธเจ้า
พระพุทธเจ้าแม้พระองค์นั้น ประทับนั่งท่ามกลางสงฆ์
ทรงพยากรณ์เราว่า เก้าสิบเอ็ดกัปนัปแต่กัปนี้ ท่านผู้
นี้จักเป็นพระพุทธเจ้า.
พระตถาคตออกอภิเนษกรมณ์ จากกรุงกบิลพัสดุ์
อันน่ารื่นรมย์ ทรงตั้งความเพียร ทำทุกกรกิริยา.
พระตถาคต ประทับนั่งที่โคนต้นอชปาลนิโครธ
ทรงรับข้าวมธุปายาสแล้ว เสด็จเข้าไปยังแม่น้ำเนรัญ-
ชรา.

พระชินเจ้าพระองค์นั้น เสวยข้าวมธุปายาสที่ริม
ฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา เสด็จดำเนินตามทางอันดีที่เขาจัด
แต่งไว้ เข้าไปยังโคนโพธิพฤกษ์.
แต่นั้น พระผู้มีพระยศใหญ่ ทรงทำประทักษิณ
โพธิมัณฑสถานอันยอดเยี่ยม ตรัสรู้ ณ โคนโพธิพฤกษ์
ชื่ออัสสัตถะ.
ท่านผู้นี้จักมีพระชนนีพระนามว่า พระนางมายา
พระชนกพระนามว่า พระเจ้าสุโธทนะ ท่านผู้นี้จักมี
พระนามว่า โคตมะ.
จักมีพระอัครสาวก ชื่อว่าพระโกลิตะ และ พระ
อุปติสสะ ผู้ไม่มีอาสวะ ปราศจากราคะ มีจิตสงบ ตั้ง
มั่น พระพุทธอุปัฏฐาก ชื่อว่าพระอานันทะ จักบำรุง
พระชินเจ้าผู้นี้.
จักมีอัครสาวิกา ชื่อว่าพระเขมา และ พระอุบล-
วรรณา ผู้ไม่มีอาสวะ ปราศจากราคะ มีจิตสงบ
ตั้งมั่น โพธิพฤกษ์ของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น
เรียกว่าต้นอัสสัตถะ.
อัครอุปัฏฐาก ชื่อว่าจิตตะ และ หัตถะอาฬวกะ
อัครอุปัฏฐายิกา ชื่อว่า นันทมาตา และ อุตตรา พระ-
โคดมผู้มีพระยศพระองค์นั้น มีพระชนมายุ 100 ปี.
มนุษย์และเทวดาทั้งหลาย ฟังพระดำรัสนี้ของ
พระวิปัสสีพุทธเจ้า ผู้ไม่มีผู้เสมอ ผู้แสวงคุณยิ่งใหญ่
ก็ปลาบปลื้มใจว่า ท่านผู้นี้เป็นหน่อพุทธางกูร.

หมื่นโลกธาตุ ทั้งเทวโลก ก็โห่ร้อง ปรบมือ
หัวร่อร่าเริง ประคองอัญชลีนมัสการ กล่าวว่า
ผิว่า พวกเราพลาดพระศาสนาของพระโลกนาถ
พระองค์นี้ไซร้ ในอนาคตกาล พวกเราก็จักอยู่ต่อหน้า
ของท่านผู้นี้.
มนุษย์ทั้งหลาย เมื่อข้ามแม่น้ำ พลาดท่าน้ำข้าง
หน้า ก็ถือเอาท่าน้ำข้างหลัง ข้ามแม่น้ำใหญ่ ฉันใด.
พวกเราทั้งหมด ผิว่า ผ่านพ้นพระชินพุทธเจ้า
พระองค์นี้ไซร้ ในอนาคตกาล พวกเราก็จักอยู่ต่อหน้า
ของท่านผู้นี้ ฉันนั้น.
เราฟังพระดำรัสของพระองค์แล้ว ก็ยิ่งมีจิตเลื่อม
ใส จึงอธิษฐานข้อวัตรยิ่งยวดขึ้นไป เพื่อบำเพ็ญบารมี
10 ให้บริบูรณ์.
พระวิปัสสีพุทธเจ้า ผู้แสวงคุณยิ่งใหญ่ ทรงมี
พระนคร ชื่อว่าพันธุมดี พระชนกพระนามว่า พระเจ้า
พันธุมะ พระชนนีพระนามว่า พระนางพันธุมดี.
พระองค์ทรงครองฆราวาสวิสัยอยู่แปดพันปี มี
ปราสาทชั้นเยี่ยม 3 หลังชื่อว่า นันทะ สุนันทะ และ
สิริมา มีพระสนมกำนัลที่แต่งกายงามสี่หมื่นสามพันนาง
มีพระอัครมเหสีพระนามว่า พระนางสุทัสสนา [สุตนู]
มีพระโอรสพระนามว่า พระสมวัฏฏขันธะ.

พระชินพุทธเจ้า ทรงเห็นนิมิต 4 ทรงออกอภิ-
เนษกรมณ์ด้วยยานคือรถ ทรงตั้งความเพียร 8 เดือน
เต็ม.
พระมหาวีระ วิปัสสี ผู้นำโลก สูงสุดในนรชน
อันท้าวมหาพรหมทูลอาราธนาแล้ว ทรงประกาศพระ
ธรรมจักร ณ มิคทายวัน .
พระวิปัสสีพุทธเจ้า ผู้แสวงคุณยิ่งใหญ่ ทรงมี
พระอัครสาวกชื่อว่า พระขัณฑะ และ พระติสสะ พระ
พุทธอุปัฏฐาก ชื่อว่าพระอโสกะ.
มีพระอัครสาวิกาชื่อว่าพระจันทา และ พระจันท-
มิตตา โพธิพฤกษ์ของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น
เรียกว่า ต้นปากลี.
มีอัครอุปัฏฐากชื่อว่า ปุนัพพสุมิตตะ และนาคะ
มีอัครอุปัฏฐายิกา ชื่อ สิริมา และอุตตรา.
พระวิปัสสีพุทธเจ้า ผู้นำโลก สูง 80 ศอก
พระรัศมีของพระองค์แผ่ซ่านไปโดยรอบ 7 โยชน์.
ในยุคนั้น มนุษย์มีอายุแปดหมื่นปี พระพุทธเจ้า
มีพระชนม์ยืนตลอดกาลเท่านั้น จึงทรงยังหมู่ชนเป็น
อันมากให้ข้ามโอฆะ.
ทรงเปลื้องเทวดาและมนุษย์จากเครื่องผูก และ
ทรงบอกปุถุชนนอกนั้นถึงทางและมิใช่ทาง.

พระองค์ทั้งพระสาวก ครั้นแสดงแสงสว่างแล้ว
จึงทรงแสดงอมตบท รุ่งเรืองแล้วก็ดับขันธปรินิพพาน
เหมือนกองไฟลุกโพลงแล้วดับฉะนั้น.
พระวรฤทธิ์อันเลิศ พระบุญญาธิการอันประเสริฐ
พระวรลักษณ์อันบานเต็มที่แล้ว ทั้งสิ้นนั้น ก็อันตรธาน
ไปสิ้น สังขารทั้งปวงก็ว่างเปล่า แน่แท้.
พระวิปัสสีพุทธเจ้า ผู้เลิศในนรชน ทรงเป็นวีร-
บุรุษเสด็จดับขันธปรินิพพาน ณ พระวิหารสุมิตตาราม
พระวรสถูปของพระองค์ ณ พระวิหารนั้น สูง 7 โยชน์.
จบวงศ์พระวิปัสสีพุทธเจ้าที่ 19

พรรณนาวงศ์พระวิปัสสีพุทธเจ้าที่ 19



ภายหลังต่อมาจากสมัยของ พระปุสสพุทธเจ้า กัปนั้นพร้อมทั้ง
อันตรกัปล่วงไป ในเก้าสิบเอ็ดกัปนัปแต่กัปนี้ไป พระศาสดาพระนามว่า
วิปัสสี ผู้เห็นแจ้งในธรรมทั้งปวง ทรงทราบกัปทั้งปวง ทรงมีความดำริยินดี
แต่ประโยชน์ของสัตว์อื่น อุบัติขึ้นในโลก. พระองค์ทรงบำเพ็ญบารมีทั้งหลาย
และบังเกิดในภพสวรรค์ชั้นดุสิตอันเป็นที่รุ่งโรจน์ด้วยแสงซ่านแห่งรัตนะมณี
เป็นอันมาก จุติจากนั้นแล้ว ก็ทรงถือปฏิสนธิในพระครรภ์ของ พระนาง
พันธุมดี
อัครมเหสีของ พระเจ้าพันธุมะ ผู้มีพระญาติมาก กรุงพันธุมดี
ถ้วนกำหนดทศมาส พระองค์ก็ประสูติจากพระครรภ์พระชนนี ณ เขมมิค-
ทายวัน
เหมือนดวงจันทร์เพ็ญออกจากกลีบเมฆสีเขียวคราม ในวันรับพระ-
นามของพระองค์โหรผู้ทำนายลักษณะ และพระประยูรญาติทั้งหลาย แลเห็น
พระองค์หมดจด เพราะเว้นจากความมืดที่เกิดจากกระพริบตา ในระหว่างๆ ทั้ง
กลางวันทั้งกลางคืน จึงเฉลิมพระนามว่า วิปัสสี เพราะเห็นได้ด้วยตาที่เปิดแล้ว
อาจารย์บางพวกกล่าวว่า หรือพระนามว่า วิปัสสี เพราะพึงวิจัยค้นหาย่อมเห็น
พระองค์ทรงครองฆราวาสวิสัยอยู่แปดพันปี ทรงมีปราสาท 3 หลังชื่อว่า นันทะ
สุนันทะและสิริมา มีพระสนมกำนัลแสนสองหมื่นนาง มีพระนางสุทัสสนาเทวี
เป็นประมุข. พระนางสุทัสสนา เรียกกันว่า พระนางสุตนู ก็มี.
ล่วงไปแปดพันปี เมื่อพระโอรสของพระนางสุตนูเทวี พระนามว่า
ทรงสมภพ พระองค์ก็ทรงเห็นนิมิต 4 จึงเสด็จออกมหาภิเนษ-
กรมณ์ ด้วยรถเทียมม้า ทรงผนวช บุรุษแปดหมื่นสี่พันคน ออกบวชตาม
เสด็จ พระมหาบุรุษนั้นอันภิกษุเหล่านั้นแวดล้อมแล้ว ทรงบำเพ็ญเพียร 8